ธ.ก.ส. คาดความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนและมาตรการสนับสนุนของรัฐบาล รวมถึงมาตรการควบคุมการป้องกันการระบาดของโควิด-19 ทำให้ในเดือน มี.ค. 65 ราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือก-น้ำตาล-มัน-ข้าวโพด-ปาล์ม-ยางพารา-หมู

วันที่ 6 มีนาคม 2565 นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนมีนาคม 2565 โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่

ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ ราคา 11,503 – 11,850 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.50 – 3.54 เนื่องจากภาครัฐดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 เพื่อชะลอการขายข้าวที่ออกสู่ตลาดในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาข้าวหอมมะลิปรับตัวเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคา 18.65 – 18.80 เซนต์/ปอนด์ (13.32-13.45 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.65 – 1.45 เนื่องจากสถานการณ์ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน กระทบต่ออุปทานน้ำมันเชื้อเพลิงของโลก

ประกอบกับ ความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นหลังจากกิจกรรมการผลิตทั่วโลกฟื้นตัว ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เป็นผลให้ความต้องการใช้เอทานอลเพื่อเป็นพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลมีการเพิ่มสัดส่วนการนำเข้าอ้อยไปผลิตเอทานอล ส่งผลให้ราคาน้ำตาลทรายปรับสูงขึ้น

 

ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคา 8.99 – 9.02 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.11 – 0.45 เนื่องจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน กระทบต่อการส่งออกข้าวสาลี เพราะยูเครนเป็นแหล่งผลิตข้าวสาลีส่งออกที่มีศักยภาพสูงของโลก ส่งผลให้ราคาข้าวสาลีนำเข้าสูงกว่าราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้เป็นปัจจัยในการผลิตอาหารสัตว์ทดแทนข้าวสาลี

ขณะที่มันสำปะหลัง ราคา 2.33 – 2.37 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.88 – 2.63 เนื่องจากความต้องการใช้มันสำปะหลังของประเทศคู่ค้าสำคัญโดยเฉพาะจีนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากนโยบายด้านพลังงานที่ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด ส่งผลให้มีความต้องการใช้มันสำปะหลังในอุตสาหกรรมเอทานอลเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะเป็นช่วงที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดมาก

ด้านปาล์มน้ำมัน ราคา 8.58 – 9.02 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 3.12 – 8.41 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจในต่างประเทศที่เริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ความต้องการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงสูงเกินกว่ากำลังการผลิต

ประกอบกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย – ยูเครน ส่งผลต่ออุปทานน้ำมันของโลก ทำให้หันมาใช้พืชพลังงานอย่างปาล์มน้ำมันทดแทน จึงทำให้ราคาปาล์มน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

ขณะที่ยางพาราแผ่นดิบชั้น 3 ราคา 56.27-57.45 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.18-2.28 เนื่องจากผลผลิตยางพาราในตลาดลดลงจากการเข้าสู่ฤดูกาลปิดกรีดยางพาราในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคตะวันออก ประกอบกับประเทศผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ของโลก ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ประสบปัญหาการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่

และสุกร ราคา 95.91 – 96.89 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.13 – 1.15 เนื่องจากราคาต้นทุนการผลิตสุกรเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 14 จากราคาอาหารสัตว์ที่ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่กลางปีที่แล้ว และต้นทุนด้านการรักษาและควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (African swine fever : ASF) ที่สูง ส่งผลทำให้ราคาเนื้อสุกรปรับตัวเพิ่มขึ้น

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคา 7,916 – 7,969 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.19 – 0.85 เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตข้าวนาปรังกำลังออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับข้าวของเวียดนามออกสู่ตลาดมากที่สุดช่วงกลางเดือนมีนาคม 2565 เช่นกัน ข้าวเปลือกเหนียว ราคา 9,074-9,343 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.51-3.49 เนื่องจากผลผลิตข้าวเหนียวนาปรังเริ่มออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีกุ้งขาวแวนนาไม ราคา 176.11 – 176.92 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.71 – 2.16 เนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทำให้มีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ส่งผลให้ความต้องการบริโภคกุ้งลดลง

เช่นเดียวกับ โคเนื้อ ราคา 99.13 – 99.25 บาท/กก. ปรับลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.05 – 0.17 เนื่องจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อโคในประเทศปรับตัวลดลง

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance