ข่าวการค้นพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก ตั้งแต่ด้านการเดินทางระหว่างประเทศไปจนถึงตลาดหุ้น
เมื่อองค์กรอนามัยโลกประกาศวานนี้ (26 พ.ย.) ว่ามีการค้นพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” ทำให้ทั่วโลกตื่นตัวและเพิ่มมาตรการป้องกันนักเดินทางจากต่างประเทศมากขึ้น รวมถึงห้ามผู้ที่เดินทางมาจากแถบแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดต้นตอของไวรัสสายพันธุ์นี้
ไม่เพียงการเดินทางระหว่างประเทศที่ได้รับผลกระทบ แต่ตลาดหุ้นใหญ่ ๆ ทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน และต้องเผชิญหน้ากับราคาหุ้นที่ตกต่ำครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงเวลาปีเศษ
องค์กรอนามัยโลกระบุว่าไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนสามารถแพร่เชื้อได้เร็วกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ และมีหลักฐานว่ามีโอกาสสูงที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำได้ ด้านนักระบาดวิทยาก็เตือนว่าควรเพิ่มมาตรการในการรับผู้ที่เดินทางจากต่างแดนเข้าประเทศเพื่อป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนไม่ให้แพร่กระจายไปทั่วโลก
ไวรัสดังกล่าวถูกค้นพบในแอฟริกาใต้และขณะนี้ก็ได้พบสายพันธุ์เดียวกันในประเทศเบลเยียม, บอตสวานา, อิสราเอล และฮ่องกง
สหรัฐอเมริกาจะจำกัดการเดินทางจากแอฟริกาใต้และประเทศใกล้เคียงในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ส่วนแคนาดาจะปิดพรมแดน ห้ามผู้ที่เดินทางจากพื้นที่ดังกล่าวเข้าประเทศ ตามด้วยการห้ามเที่ยวบินจากสหราชอาณาจักร ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปและอีกหลายประเทศ
ขณะที่นานาประเทศ อาทิ อินเดีย ญี่ปุ่น อิสราเอล ตุรกี สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กำลังเพิ่มมาตรการป้องกันในการรับนักเดินทางเข้าประเทศ นักระบาดวิทยารายหนึ่งในฮ่องกงกล่าวว่า มันอาจจะสายเกินไปที่จะเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสสายพันธุ์ใหม่
“เป็นไปได้ว่าไวรัสตัวนี้อาจจะไปอยู่ตามที่ต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว และถ้าเราปิดประตูเมืองในตอนนี้ ก็เป็นไปได้ว่ามันอาจจะสายเกินไป” เบน โคว์ลิง หัวหน้าแผนกระบาดวิทยาของมหาวิทยาลัยฮ่องกงกล่าว
ความกังวลเนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการหาทางรักษาและป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ อีกทั้งการที่ไวรัสดังกล่าวสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหุ้นของบริษัทสายการบินและการท่องเที่ยวต่าง ๆ รวมถึงราคาน้ำมันที่ร่วงลงไปบาร์เรลละ 10 ดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดด้วยราคาเฉลี่ยที่ตกลง 2.5% ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 เป็นต้นมา ส่วนตลาดหุ้นยุโรปก็ปิดตลาดด้วยราคาที่ต่ำที่สุดในระยะเวลา 17 เดือน หุ้นของบริษัทท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น คาร์นิวัล คอร์ป, แคริบเบียน ครูซเซส และนอร์วิเจียน ครูซ ไลน์ ราคาตกลงมากกว่า 10% เป็นระดับเดียวกับราคาหุ้นของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส์, เดลต้า แอร์ไลน์ส์ และอเมริกัน แอร์ไลน์ส์
การปรากฏตัวของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในขณะที่ยุโรปและอเมริกากำลังเข้าสู่หน้าหนาว พร้อมด้วยเทศกาลใหญ่ประจำปีที่จะมีผู้คนมารวมตัวกันภายในครอบครัวเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง ทำให้มีโอกาสและพื้นที่ในการแพร่ระบาดของไวรัสได้มาก
วันศุกร์ที่ผ่านมายังเป็นวันชอปปิ้งครั้งใหญ่ประจำปีก่อนหยุดยาวช่วงเทศกาลของสหรัฐจนเป็นที่รู้จักกันในนามของ ‘Black Friday’ กระนั้น ร้านค้าต่าง ๆ ก็มีผู้คนไปจับจ่ายซื้อหาของขวัญน้อยกว่าหลายปีก่อน
เคลซีย์ ฮัพพ์ พนักงานขายวัย 36 ปีประจำห้างเมซีส์ สาขาชิคาโก ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าแบบเชนสโตร์ชื่อดังของสหรัฐ กล่าวถึงวัน ‘Black Friday’ ที่ผ่านมาว่า “ชิคาโกค่อนข้างปลอดภัย คนสวมหน้ากากอนามัยและฉีดวัคซีนกัน ฉันเองก็ได้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิแล้ว ก็เลยไม่ได้กังวลอะไรมาก”